Black Widow เตรียมระเบิดความเข้มข้น 6 ตุลาคมนี้ พร้อมสตรีมมิ่งบน Disney+ Hotstar Thailand แฟนชาวไทยลุ้นกันต่อว่าจะได้ชมในโรงภาพยนตร์ไหม
เป็นข่าวที่ทำเอาแฟน ๆ มาร์เวลใจตุ้มต่อมกันยกใหญ่ เพราะล่าสุดทาง Disney+ Hotstar Thailand ก็ได้ออกมาปักวันฉายอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับภาพยนตร์เดี่ยวของสายลับสาว นาตาชา โรมานอฟ ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe – MCU) อย่าง Black Widow โดยมีกำหนดฉายบนสตรีมมิ่ง 6 ตุลาคมนี้
โดยยังไม่มีรายงานว่าสรุปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีการฉายควบคู่กันบนโรงภาพยนตร์หรือไม่หลังจากมาตรการป้องกัน Covid-19 ผ่อนคลายให้สามารถชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ได้ แต่เมเจอร์ก็ตั้งกำหนดการฉายของภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้วันที่ 1 ตุลาคม ที่กำลังจะถึง
ซึ่งปัญหาการจัดฉายบนสตรีมมิ่งชนโรง เคยสร้างปัญหาและความไม่พอใจให้กับทั้งนักแสดงและสมาคมโรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาจนถึงขั้นฟ้องร้องกันมาแล้ว โดยสการ์เลตต์ โจแฮนสัน (Scarlett Johansson) นักแสดงนำผู้รับบท นาตาชา โรมานอฟ ซึ่งเป็นนักแสดงนำของเรื่อง ได้ยื่นฟ้องศาลในลอสแองเจลิสต่อดิสนีย์ เนื่องด้วยข้อหาทำผิดสัญญาว่าจ้างในการเอาภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉายชนโรงบนสตรีมมิ่ง และทำให้เธอสูญเสียรายได้จากส่วนแบ่งรายได้ภาพยนตร์จำนวนมหาศาล
เนื่องจากในข้อสัญญาแรกที่เธอได้เซ็นกับทางมาร์เวล สตูดิโอส์ (Marvel Studios) ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของดิสนีย์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เท่านั้น และทางดิสนีย์ก็กำหนดไว้ว่าจะมีการแบ่งรายได้จากการขายตั๋วในโรงภาพยนตร์ให้ด้วยหากเธอยอมลดค่าตัวในการแสดงภาพยนตร์
ด้วยเหตุนี้เอง โจแฮนสันจึงมองว่าดิสนีย์บิดพลิ้วและไม่ทำตามสัญญา โดยการนำภาพยนตร์แบล็ควิโดว์มาฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวันเดียวกับที่ฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งลักษณะของสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัสในต่างประเทศ จะสามารถซื้อคอนเท้นต์เพิ่มเพื่อดูภาพยนตร์นั้นๆ ได้เลยโดยไม่ต้องไปชมในโรงภาพยนตร์ ซึ่งดิสนีย์ทำรายได้บนดิสนีย์พลัส เป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำรายได้จากโรงภาพยนตร์เพียง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
โดยดิสนีย์ก็ออกมาโต้กลับว่าการนำแบล็ควิโดว์มาฉายลงบนสตรีมมิ่ง มีการเจรจาตกลงกับโจแฮนสันเรียบร้อยแล้ว และตกลงเพิ่มค่าตอบแทนให้ราวๆ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การฟ้องร้องครั้งนี้จึงไม่มีมูลเหตุอันสมควรที่จะนำมาฟ้องร้องได้ อีกทั้งการเลื่อนฉายภาพยนตร์แบล็ควิโดว์จากช่วงพฤษภาคมปีค.ศ. 2019 มาเป็นกลางปีค.ศ. 2021 แทน ก็เป็นผลมาจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบกับการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ทางบริษัทจึงตัดสินใจนำแบล็ควิโดว์มาฉายบนดิสนีย์พลัสไปพร้อมกัน
ส่วนสมาคมโรงภาพยนตร์แห่งชาติของอเมริกา (National Association of Theater Owners หรือ NATO) ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจถึงการจัดฉายภาพยนตร์ลงบนดิสนีย์พลัสในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งทำให้โรงภาพยนตร์กว่าสามหมื่นแห่งทั่วอเมริกาได้รับผลกระทบจากยอดเข้าชมที่ไม่สมเหตุสมผล
โดยสมาคมโรงภาพยนตร์ฯกล่าวว่า ดิสนีย์เคยทำสัญญาว่าหากภาพยนตร์เข้าโรง จะเว้นระยะเวลาช่วงหนึ่งก่อน แล้วจึงนำมาจัดฉายลงบนสตรีมมิ่งอย่างดิสนีย์พลัส แต่ดิสนีย์ก็กลับไม่ทำตามสัญญานั้น และสำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่มีศักยภาพมากพอจะทำรายได้แตะหลักร้อยล้านดอลลาร์ในสัปดาห์แรก กลับทำรายได้เพียง 80 ล้านในสัปดาห์แรกและลดลงมาอยู่ที่ 26 ล้านดอลลาร์เท่านั้นในสัปดาห์ต่อมา
การตัดสินใจครั้งนี้ของดิสนีย์ จึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงต่อตัวของ โจแฮนสัน ผู้เป็นนักแสดงนำเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงบรรดาโรงภาพยนตร์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยที่คาดหวังจะทำรายได้จากภาพยนตร์ดังเรื่องนี้ของค่ายมาร์เวล
แม้คดีความของโจแฮนสันและดิสนีย์จะยังไม่สิ้นสุดลง แต่ดูเหมือนว่าดิสนีย์เองก็ต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งถึงความเหมาะสมในการจัดฉายภาพยนตร์แบบชนโรง เพราะแม้ว่าดิสนีย์จะสามารถแก้ปัญหาและผลกระทบที่ต้องประสพจาก Covid-19 ได้ แต่ฝ่ายที่ตกที่นั่งลำบากกลับกลายเป็นนักแสดงรวมถึงเหล่าคนทำธุรกิจโรงภาพยนตร์
เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าในตอนนี้ดิสนีย์ แทบจะรวบกินสื่อบันเทิงยักษณ์ใหญ่จากหลายค่ายไม่ว่าจะเป็นมาร์เวล สตูดิโอส์ ลูคัส ฟิล์ม (Lucas Film) ผู้ดูแลลิขสิทธิ์มหากาพย์สงครามอวกาศอย่าง Star Wars
รวมถึงการ์ตูนทุกเรื่องในเครือของ Pixar และแฟรนไชส์ภาพยนตร์ดังหลายเรื่องอย่าง The Chronicles of Narnia, Winnie-the-Pooh, Indiana Jones ไปจนถึงละครในช่อง ABC อย่าง Grey’s Anatomy, Once Upon a Time และอีกหลายรายการ
ในอนาคตการเลือกจัดฉายภาพยนตร์ในลักษณะชนโรงของดิสนีย์จึงอาจจะนำมาสู่ปัญหาดราม่าและการฟ้องร้องที่คล้ายกันกับกรณีของภาพยนตร์ แบล็ควิโดว์ หากดิสนีย์ยังไม่หาทางออกหรือข้อตกลงที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายมารองรับ โดยภาพยนตร์ลำดับต่อไปของบ้านมาร์เวลก็คือ Spider-Man: No Way Home ซึ่งมีกำหนดฉายเดือนธันวาคมนี้
กลับมาที่แฟนๆ ชาวไทยซึ่งตอนนี้ยังคงไม่สามารถชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ได้เนื่องจากมาตรการของรัฐในการควบคุมการระบาดของโรค Covid-19 ก็ยังคงต้องลุ้นต่อไปว่าจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากบ้านมาร์เวลเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์หรือไม่ เพราะหน้าเว็บไซต์ของโรงภาพยนตเจ้าใหญ่อย่าง เมเจอร์ ซินิเพล็กซ์ ยังคงมีตารางการฉายแบล็ควิโดว์อยู่ และทำโปสเตอร์โปรโมตออกมาแล้วด้วยว่าเราอาจจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในวันที่ 1 ตุลาคม
โดยตามรายงานข่าว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่รัฐเริ่มผ่อนคลายการล็อคดาวน์ และอนุญาตให้รับประทานอาหารภายในร้านได้แล้วโดยเว้นระยะห่างตามมาตรการที่เหมาะสม และจะมีการประชุมเกี่ยวกับการเปิดโรงภาพยนตร์และสถานบันเทิง โดยกระทรวงสาธารณะสุขจะนำเสนอมาตรการต่างๆ เข้าสู่ที่ประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ในวันที่ 27 กันยายน ที่จะถึงนี้เพื่อหาข้อสรุป
ดังนั้นใครที่ยังคาดหวังอยากจะชมแบล็ควิโดว์แบบเต็มอรรถรสในโรงภาพยนตร์ ก็อย่าเพิ่งหมดหวังกันเสียก่อน
แบล็ควิโดว์ เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 24 ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล กำกับการแสดงโดยเคท ชอร์ตแลนด์ (Cate Shortland) และมีนาตาชา โรมานอฟ อดีตมือสังหาร สายลับของหน่วยชีลด์ และสมาชิกทีมอเวนเจอร์สเป็นตัวเดินเรื่อง
โดยเรื่องราวในภาคนี้จะเล่าเหตุการณ์หลังจากกัปตันอเมริกา: ศึกฮีโร่ระห่ำโลก (Captain America: Civil War) และนับเป็นการเปิดจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลในเฟสที่ 4 อย่างเป็นทางการ เพื่อนำไปสู่เรื่องราวที่สมบูรณ์ในจักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวลอีกด้วย
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF DISNEY+, MARVEL STUDIOS, MAJOR CINEPLEX THAILAND
อ่านข่าวสารเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์และซีรีส์อื่น ๆ บน Padthai.co
ตัวอย่างแรกจาก Don’t Look Up ! ภาพยนตร์ใหม่จาก ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ เจนนิเฟอร์ ลอวเรนซ์
เมื่ออุกกาบาตกำลังจะชนโลก สองนักดาราศาสตร์จึงต้องออกโรง!
Doc Club & Pub. บ้านหลังใหม่ของคนรักหนัง ซอฟต์โอเพนนิ่ง 5-14 กันยายนนี้
ฮัน โซฮี กับมาดใหม่ในเรื่อง My Name หลังจากขึ้นแท่น Muse ของ Charlotte Tilbury
4 เหตุผล ที่คุณควรชม YESTERDAY ภาพยนตร์สำหรับคนรัก The Beatles บน Netflix 3 กันยายนนี้
เปิดมัลติเวิร์สอย่างเป็นทางการ ! Spider-Man No Way Home เผยตัวอย่างแรก เตรียมเข้าฉายสิ้นปี 24 ธันวาคมนี้