Piaget เผยโฉมคอลเลกชั่น Sunlight 2021 กับสามเรือนเวลาหรู ตัวแทนของแต่ละช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์ได้นำพามาซึ่งชีวิตและแรงบันดาลใจ
เป็นอีกหนึ่ง Maison นักสร้างสรรค์ผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจเสมอ สำหรับ Piaget (เพียเจต์) ที่สำหรับปีนี้ แบรนด์ได้เผยโฉมความงดงามและประณีตวิจิตรครั้งใหม่ของการตกแต่งเรือนเวลาและเครื่องประดับอัญมณีภายในคอลเลกชั่น Sunlight 2021 ซึ่งก็ตรงตามชื่อที่แต่ละผลงานสร้างสรรค์ใหม่เหล่านี้ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์ แหล่งกำเนิดของทุกชีวิตและสร้างซึ่งสิ่งมหัศจรรย์มากมายให้กับโลกใบนี้ของเรา
โดยครั้งนี้ แน่นอนว่ายังได้รวมเอาไฮไลต์ความงดงามของนาฬิกาประดับอัญมณีชั้นสูงไว้ในคอลเลกชั่นด้วย ซึ่งประกอบด้วยเรือนเวลาสามเรือนจากการตีความของแสงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลาที่นำพามาซึ่งชีวิต ความสว่างไสว และบรรยากาศความรื่มรมย์ให้กับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น แสงแดดอ่อนๆ ของท้องฟ้ายามเช้า หรือแสงแห่งไออุ่นในช่วงเที่ยงวันที่ค่อยๆ เริ่มปลุกความสดใสและมีชีวิตชีวาให้กับทุกๆ สิ่งมากขึ้น ไปจนถึงช่วงเวลายามเย็นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า บรรยากาศและแรงบันดาลใจเหล่านี้เองที่ Piaget ได้นำมาตีความและรังสรรค์สู่สามเรือนเวลาหรูที่ชวนให้จับจ้องมองในทุกช่วงเวลาจริงๆ
หากจะกล่าวว่า ดวงอาทิตย์นั้นนับเป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจสำคัญของ Maison แห่งนี้ก็คงไม่ผิดนัก ผ่านการตีความดวงอาทิตย์ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งชีวิต ความสดใส และความปิติยินดี ที่ Piaget ได้นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานซึ่งหลายๆ ครั้งยังได้ร่วมสะท้อนถึงความหมายอันสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การมองโลกในแง่ดีและจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาของ Maison เช่นเดียวกันกับในนาฬิกาสามรุ่นใหม่ของคอลเลกชันจากดวงอาทิตย์ ที่แต่ละชิ้นผสมผสานไว้ด้วยความอบอุ่นและความเจิดจรัสของทองอันล้ำค่า ภายใต้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่พร้อมจะเปล่งประกายคล้ายดั่งดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างไสวได้ตั้งแต่เช้าจรดพลบค่ำ
โดยความโดดเด่นของคอลเลกชัน Sunlight สำหรับปีนี้นั้น ยังรวมไปถึงการที่ Piaget ได้พยายามหล่อหลอมไว้ด้วยความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องประดับอัญมณี ที่มีความหลากหลายด้วยเทคนิคและมรดกแห่งประเพณีการตกแต่งเรือนเวลา พร้อมกันนี้ยังได้นักอัญมณีศาสตร์และทีมนักออกแบบของ Maison มาร่วมสร้างสรรค์งานในทุกๆ ขั้นตอนอย่างใกล้ชิด โดยมีหัวใจหลักคือการใช้ศาสตร์แห่ง “camaieu” กับอัญมณีที่เป็นเฉดสีเดียวกัน เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ของแสงที่เปล่งประกายได้อย่างมีเอกลักษณ์และสมจริงมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่ความยากในการตามหาหินล้ำค่าเพื่อให้ได้เฉดสีที่สมบูรณ์แบบตามต้องการเท่านั้น แต่การประดับอัญมณีแต่ละเม็ดเหล่านี้ลงบนแต่ละชิ้นงานนั้นยังต้องใช้ความทุ่มเทไม่แพ้กัน อาทิ จี้เพียงชิ้นเดียวใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง ในการฝังอัญมณีแต่ละเม็ดด้วยเทคนิค Snow Setting เป็นต้น
เริ่มกันที่แสงแรกแห่งรุ่งอรุณซึ่งเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่ปลุกให้เราได้ก้าวเข้าสู่วันใหม่ โมเมนต์อันเงียบสงบของดวงอาทิตย์ขณะเริ่มพ้นจากขอบฟ้า ช่วยขับกล่อมบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความหวัง โดย Piaget ได้ตีความแสงแห่งอรุณนี้สู่นาฬิกา Limelight Gala Precious Sunrise (G0A46183) เรือนเวลาที่หยิบเอาประกายแสงอันงดงามของดวงอาทิตย์ยามเช้าขณะซ่อนตัวอยู่หลังก้อนเมฆมาบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเวลา ผ่านการรังสรรค์ตัวเรือนขึ้นจากไวท์โกลด์ ด้วยขนาด 32.0 มิลลิเมตร พร้อมทั้งผสานไว้ด้วยขอบตัวเรือนประดับตกแต่งแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีน้ำเงินแบบไล่เฉดสี รวมจำนวนถึง 32 เม็ด และหนักราว 4.70 กะรัต ร่วมด้วยการประดับเพชรบริลเลียนต์คัตอีก 10 เม็ด ราว 0.90 กะรัต ขณะที่บนหน้าปัดแสดงเส้นทางของเวลายังเรียงรายไปด้วยการประดับเพชรอีกกว่า 289 เม็ด ราว 1.76 กะรัต ซึ่งแต่ละเม็ดถูกฝังอย่างประณีตด้วยเทคนิค Snow Setting และรับไปกับสายสร้อยข้อมือที่ตกแต่งด้วยเทคนิคงานฝีมือแบบ Palace Décor สำหรับ Limelight Gala Sunrise รุ่นใหม่แห่งคอลเลกชันนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre 501P1 โชว์การทำงานผ่านฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ และผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดพิเศษเพียง 18 เรือน พร้อมหมายเลขกำกับสำหรับผลงานแต่ละเรือนบ่งบอกถึงความยูนีกและเอ็กซ์คลูซีฟสูงสุด
จากนั้น ดวงอาทิตย์จึงเดินทางสู่ช่วงเที่ยงวันที่แสงสว่างไสวสีเหลืองอร่ามเหนือศีรษะได้เผยให้เห็นถึงความงดงามของสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติรอบตัวเรา และยามเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นถึงจุดสูงสุดเหนือท้องฟ้าขึ้นไปนั้น Piaget ได้หยิบเอามาตีความเป็นช่วงเวลาอันทรงพลัง สะท้อนถึงความกระตือรือร้น และการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เป็นของขวัญของแต่ละวัน ดังปรัชญาของแบรนด์ที่ว่า “Always doing better than necessary” ซึ่งการตีความนี้ได้เผยโฉมอยู่ในเรือนเวลารุ่นเด่นของคอลเลกชันอีกหนึ่งรุ่น อย่าง Limelight Gala Precious Zenith (G0A46189) นาฬิกาข้อมือเรือนงามที่หยิบยืมความเจิดจรัสของดวงอาทิตย์ ขณะหยอกล้อเล่นกับแสงและรัศมีดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันมาเป็นแรงบันดาลใจ สู่การประดิษฐ์รังสรรค์ตัวเรือนขึ้นจากไวท์โกลด์ทรงคุณค่า ทำงานด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre 501P1 ภายใต้ขนาดตัวเรือนที่ 32.0 มิลลิเมตร ประดับตกแต่งด้วยการผสมผสานอย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อนระหว่างแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีเหลืองไล่เฉดสี 32 เม็ด ราว 4.70 กะรัต และเพชรบริลเลียนต์คัต 10 เม็ด ราว 0.90 กะรัต เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนและมีเสน่ห์ดึงดูดสายตา ส่วนบนหน้าปัดเฉิดฉายไปด้วยประกายแสงของผืนแพรแห่งเพชรน้ำงามจำนวนถึง 289 เม็ด ราว 1.76 กะรัต ที่นำมาประดับฝังด้วยเทคนิค Snow Setting และจับคู่เข้ากับสายสร้อยข้อมือไฮจิวเวลรีที่สอดประสานรับไปกับตัวเรือนโดยประดับตกแต่งด้วยเพชรบริลเลียนต์คัต 276 เม็ด ราว 9.95 กะรัต และแซฟไฟร์สีเหลืองน้ำงามอีก 124 เม็ด ราว 4.58 กะรัต ได้อย่างโดดเด่น ทั้งยังมอบสัมผัสที่บางเบาเป็นเนื้อเดียวกับข้อมือ ผลิตจำกัดเพียง 8 เรือนเท่านั้น
และแล้วก็ถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์เตรียมลับขอบฟ้า เหลือทิ้งไว้เพียงประกายนวลสีชมพูอมม่วงที่กลายเป็นช่วงขณะเวลาอันแสนโรแมนติกเมื่อยามพระอาทิตย์ตก ที่ Piaget นำมารังสรรค์สู่ผลงานนาฬิกาเรือนที่สามใน Limelight Gala Precious Sunset (G0A46182) เรือนเวลากลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ Calibre 501P1 รับซัมเมอร์ที่มาพร้อมประกายแสงสีเหลืองทองอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ยามอัสดงและสีขาวบริสุทธิ์ผสมผสานอย่างกลมกลืนนับตั้งแต่ความสง่างามของตัวเรือนโรสโกลด์ ขนาด 32.0 มิลลิเมตร ไล่ไปจนถึงขอบตัวเรือนซึ่งประดับตกแต่งด้วยแซฟไฟร์บริลเลียนต์คัตสีชมพูไล่เฉดสี 32 เม็ด ราว 4.70 กะรัต พร้อมทั้งเพชรบริลเลียนต์คัต 10 เม็ด ราว 0.90 กะรัต ถ่ายทอดความโรแมนติกและอ่อนช้อยด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวลงตัว และจับคู่มาพร้อมกับสายซาตินสีขาว รวมถึงหัวเข็มขัดสายประดับเพชรบริลเลียนต์คัต 15 เม็ด ราว 0.06 กะรัต แสงอาทิตย์อัสดงอันงดงามเรือนนี้ผลิตในจำนวนจำกัดเช่นกันเพียง 50 เรือน
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF PIAGET
MUSIC: Glitter Blast by Kevin MacLeod (incompetech.com)
VIDEO: Perayut Limpanastitphon
GRAPHIC DESIGNER: Vanicha Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่