ความวินเทจแบบโอลด์สคูลกำลังหวนกลับมาได้รับความนิยม แม้แต่บนนาฬิกาข้อมือ
เป็นทั้งแรงบันดาลใจ ต้นแบบ และสะท้อนรสนิยมความชื่นชอบ ที่ยุคนี้อะไรๆ ก็ดูจะออกแนววินเทจร่วมสมัย หรือมีกลิ่นอายแบบโอลด์สคูลมาผสมผสานอยู่ด้วยเสมอ ไม่เว้นแม้แต่บนนาฬิกาข้อมือ ที่ปีนี้เราได้เห็นการหวนคืนกลับมาของทั้งนาฬิการุ่นมรดก นาฬิกาสไตล์วินเทจ หรือที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานรุ่นก่อนเก่า ซึ่งได้รับความนิยมและสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ต่างๆ มาแล้วมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือผลงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมผัสความวินเทจ บวกกับจิตวิญญาณการบุกเบิกสร้างสรรค์ของ Breitling Premier Heritage Collection ใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวโดย ไบรท์ลิ่ง (Breitling)
“งานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมรดกเหล่านี้ มาพร้อมการตีความด้วยสไตล์ทันสมัย ที่เป็นตัวแทนถึงนวัตกรรมอันสำคัญสูงสุดของ Breitling และนับเป็นการรื้อฟื้นให้กับตำนานแห่งการประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาโครโนกราฟอันทันสมัยของ Breitling ซึ่งนี่คือมรดกของเรา ที่ได้ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง” CEO Georges Kern แห่ง Breitling ได้พูดถึงการเปิดตัวนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ภายใต้ชื่อ Premier Heritage Collection ที่อุทิศให้กับบุรุษผู้ร่วมก่อตั้งของแบรนด์ทั้งสามเจเนอเรชัน ที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประวัติศาสตร์เครื่องบอกเวลา และทำให้ Breitling ประสบความสำเร็จได้ดั่งทุกวันนี้
Huit Aviation Department
เริ่มต้นจาก Léon Breitling (เลอง ไบรท์ลิ่ง) ผู้ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปีค.ศ. 1884 และต่อมาเขาได้จดสิทธิบัตรให้กับฟังก์ชันจับเวลาและทาคีมิเตอร์ที่สามารถใช้สำหรับจับวัดความเร็วระหว่าง 15 และ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยบรรจุอยู่ในนาฬิกาพกรุ่นประวัติศาสตร์อย่าง 1906 Vitesse (1906 วิตแตส) ต่อมาในปีค.ศ. 1915 Gaston (กาสตง) บุตรชายของเขาได้สร้างสรรค์หนึ่งในนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟรุ่นแรกๆ ที่มาพร้อมปุ่มกดอิสระ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่แยกระหว่างฟังก์ชันเริ่มต้น หยุด และรีเซตออกจากเม็ดมะยมได้อย่างอิสระ ทำให้สะดวกและเหมาะกับการใช้งานจับเวลาการแข่งขันกีฬาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และต่อมาในปีค.ศ. 1934 Willy Breitling (วิลลี่ ไบรท์ลิ่ง) หลานชายของ Léon ในฐานะเจเนอเรชันที่สามก็ได้จดสิทธิบัตรให้กับปุ่มกดจับเวลาโครโนกราฟอิสระปุ่มที่สอง ที่ติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา เช่นเดียวกับบุกเบิกเส้นทางการสร้างสรรค์อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือการก่อตั้งแผนก Huit Aviation Department (วิต อาเวียซียง) อันโด่งดังขึ้นในปีค.ศ 1938
ทว่า นอกเหนือจากเรื่องราวของการบุกเบิกและคิดค้นสิ่งประดิษฐ์แห่งเครื่องบอกเวลา ที่เป็นมรดกสำคัญไว้มากมายแล้ว ความโดดเด่นด้านงานดีไซน์ของ Breitling ก็ไม่เป็นสองรองใคร โดยเฉพาะในยุคสมัยของ Willy Breitling ที่เข้าใจในความต้องการของผู้คนในการได้ครอบครองนาฬิกา ซึ่งมีทั้งสัมผัสของความสวยงาม หรูหรา และเปี่ยมไปด้วยฟังก์ชันในเวลาเดียวกัน ซึ่งนั่นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกแบบนาฬิกาข้อมือ Premier ขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1940s และนับเป็นก้าวแรกของ Breitling ในการออกแบบนาฬิกาที่เชื่อมโยงกับเรื่องราวของสไตล์และงานดีไซน์มากขึ้น
นั่นจึงเป็นที่มาของการหยิบยกเอาต้นตำนานของนาฬิกา Premier มารังสรรค์สู่ผลงานคอลเลกชันใหม่ของแบรนด์ อย่าง Premier Heritage Collection ซึ่งเป็นการนำเอาความสง่างามเหนือกาลเวลานี้กลับมาสร้างสรรค์ใหม่ โดยประกอบด้วยผลงานทั้งหมดหกรุ่น แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม คือ The Chronograph, The Duograph และ The Datora กับเอกลักษณ์หนึ่งเดียวที่นาฬิกาทุกรุ่นบรรจุไว้ด้วยตัวเลขอารบิก เข็มชี้สไตล์วินเทจ และสายหนังจระเข้แบบกึ่งเงาวาว ขณะที่ทุกๆ เรือนยังคงความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ที่ผ่านการประกาศนียบัตรรับรองโดย COSC (The Contrôle Officiel Suisse des Chronomètres) และประสิทธิภาพการกันน้ำได้ลึกสูงสุด 100 เมตร
นอกเหนือจากงานดีไซน์ที่ได้ต้นแบบมาจากนาฬิกา Premier รุ่นดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ละกลุ่มของนาฬิการุ่นใหม่นี้ยังโดดเด่นแตกต่างกัน ด้วยความสามารถทางจักรกล และฟังก์ชันการใช้งาน เช่นใน Premier Heritage Chronograph กับตัวเรือน 40.0 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นนาฬิกากลไกจักรกลไขลานด้วยมือ เหมือนกับในรุ่นดั้งเดิมของยุค 1940s โดยในรุ่นใหม่ติดตั้งไว้ด้วยกลไก Breitling Manufacture Caliber B09 ซึ่งพัฒนามาจาก Caliber 01 มาพร้อมสองเวอร์ชันให้เลือกคือตัวเรือนสเตนเลสสตีลคู่ด้วยหน้าปัดสีเขียวพิสตาชิโอโทนสีเขียวครีมที่ชวนมอง และให้อารมณ์ความแปลกตาที่ลงตัวกับงานออกแบบหน้าปัด หรือเวอร์ชันหน้าปัดสีเงิน บรรจุอยู่ในตัวเรือนเรดโกลด์ ซึ่งให้สัมผัสของความหรูสง่างามอันเป็นหนึ่งในบุคลิกหลักของ Premier
ขณะที่รุ่น Premier Heritage Duograph ในตัวเรือนสเตนเลสสตีล และเรดโกลด์ 18K ขนาด 42.0 มิลลิเมตร นั้นมาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงินหรือสีดำ ที่บรรจุไว้ด้วยฟังก์ชัน rattrapante (รัตทราปองต์) ช่วยให้เจ้าของหรือผู้สวมใส่นาฬิกาสามารถจับวัดเวลาระหว่างสองเหตุการณ์ได้พร้อมกัน ผ่านการติดตั้งด้วยเข็มจับเวลาสองเข็ม ที่ทำงานอย่างแม่นยำ โดยการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ Breitling Manufacture Caliber B15 ซึ่งพัฒนามาจากกลไกฐานอย่าง Caliber B03
เช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิมในยุค 1940s ที่รุ่นสุดท้ายอย่าง Premier Heritage Datora ภายใต้ตัวเรือน 42.0 มิลลิเมตร ของคอลเลกชันใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ มีความโดดเด่นจากคุณลักษณะและคุณสมบัติ ที่ออกแบบมาเพื่อความสามารถในการมองเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงบรรจุไว้ด้วยฟังก์ชันซับซ้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงวัน วันที่ และข้างขึ้นข้างแรม โดยการทำงานของกลไก Breitling Manufacture Caliber B25 คงความสง่างาม และให้อารมณ์แบบโอลด์สคูลขนานแท้จากหน้าปัดสีทองแดง ซึ่งมีให้เห็นไม่บ่อยนักสำหรับ Breitling โดยล้อมกรอบด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล ทั้งยังมีตัวเลือกของเวอร์ชันตัวเรือนเรดโกลด์ ที่มาพร้อมหน้าปัดสีเงินสไตล์คลาสสิกร่วมสมัย
นาฬิกาทั้งสามกลุ่มของ Premier Heritage Collection ถือเป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงความเชี่ยวชาญ และจิตวิญญาณแห่งการเป็นนักบุกเบิกของ Breitling ผ่านผู้ก่อตั้งและผู้สืบทอดทั้งสามเจเนอเรชัน ที่ได้ร่วมสร้างวิวัฒนาการแห่งเครื่องบอกเวลาอันทันสมัย และคงความโดดเด่นตามแบบฉบับของ Breitling ไว้ได้อย่างมั่นคงจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1884 Breitling ได้สร้างชื่อเสียงในการผลิตนาฬิกาด้วยมาตรฐานความเที่ยงตรงแม่นยำสูง รวมถึงครองบทบาทในการบุกเบิกนวัตกรรม และการพัฒนานาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ ภายใต้งานออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์สูงสุด ที่แม้ผ่านกาลเวลาไปนานเพียงใด ก็ยังคงความร่วมสมัย และกลายเป็นความโอลด์สคูลกับกลิ่นอายความวินเทจ ที่สามารถหวนกลับมาสร้างสีสันให้กับวงการนาฬิกาได้อีกครั้งเหมือนในวันนี้
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF Breitling
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่