10 Smart Watch คุณภาพที่จะช่วยดูแลสุขภาพของคุณตั้งแต่ตื่นจนหลับ แบรนด์ไหนวัดค่าออกซิเจนในเลือดได้บ้าง มาดูกัน!
กลายเป็นสินค้าที่ทุกคนถามหาในช่วงนี้ สำหรับ Smart Watch หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ (Wearable Device) หลังจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ระลอกใหม่ซึ่งมักไม่แสดงอาการในช่วงแรก
นอกจากการตรวจคัดกรองจากแพทย์ และใช้ชุดตรวจโรค Covid-19 (Rapid Test Kits) ตอนนี้หลาย ๆ คนก็เริ่มกักตัวอยู่ที่บ้านและดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงจึงมีวิธีการสังเกตอาการของตนเอง โดยวัดจากตัวแปรทางสุขภาพเช่นระดับออกซิเจนในเลือดและอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีอาการป่วยหรือผิดปกติ
โดยการวัดความเข้มข้นระดับออกซิเจนในเลือดเพื่อเฝ้าระวังโรคนี้เองที่ทำให้ตลาดสมาร์ทวอทช์คึกคักอีกครั้ง รวมทั้งทำให้หลายคนอยากจะหันมาออกกำลังกายให้มากขึ้นเพื่อนสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
วันนี้ Padthai.co จึงรวม 10 สมาร์ทวอทช์น่าสนใจที่จะมาช่วยดูแลสุขภาพของผู้ใช้งานให้ดีขึ้น รวมทั้งบางรุ่นที่มีฟังก์ชั่นวัดความเข้มข้นออกซิเจนในเลือดด้วย!
Apple Watch Series 6
ถ้าพูดถึงสมาร์ทวอทช์ คงเป็นไปไม่ได้หากจะมองข้าม Apple Watch จาก แอปเปิ้ล (Apple) ที่เป็นเสมือนหนึ่งในแบรนด์ใหญ่ที่ครองตลาดสมาร์ทวอท์ช โดยเฉพาะ Apple Watch Series 6 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นที่ดีที่สุดของแอปเปิ้ล ซึ่งถูกพัฒนาให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในทุกด้าน
ทั้งการใส่มอนิเตอร์ SpO2 ที่สามารถวัดค่าออกซิเจนในกระแสเลือดได้อย่างแม่นยำ สามารถติดตามการทำงานของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ของผู้ใช้งาน รวมถึงทำงานด้วยซอฟท์แวร์ watchOS 7 ที่มีฟังก์ชั่นติดตามการนอนหลับที่แม่นยำ มีความเสถียรที่สุด
รวมทั้งฟังก์ชั่นตรวจจับการล้ม (Fall Detection) ที่หากพบว่ามีการลื่นล้มอย่างรุนแรงและไม่ตอบสนอง Apple Watch จะโทรหาหน่วยฉุกเฉินพร้อมแจ้งตำแหน่งของคุณจาก GPS และเตือนให้บุคคลติดต่อฉุกเฉินทราบในทันที ซึ่งเคยมีเหตุการณ์คนที่ประสบอุบัติเหตุและได้รับการช่วยเหลือทันท่วงทีเพราะเจ้าสมาร์ทวอทช์ของแอปเปิ้ลมาแล้ว
นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังเน้นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ โดยกระตุ้นให้ผู้ใช้งานออกกำลังกายโดยมีระบบเหรียญรางวัลและการแข่งขันระหว่างผู้ใช้งานด้วยกันเพื่อสร้างกำลังใจในการออกกำลังกายโดยไม่ตึงเครียดเกินไป
Apple Watch Series 6 มีหน้าปัดเหลี่ยมสองขนาดให้เลือกคือแบบ 40 มม. (ราคาเริ่มต้นที่ 13,400 บาท) และ 44 มม.(ราคาเริ่มต้นที่ 14,400 บาท) โดยสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนาน 18 ชั่วโมง และมีฟังก์ชั่นชาร์จเร็วภายใน 90 นาที ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS ของแอปเปิ้ลและสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในเครือแอปเปิ้ลของคุณได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถสั่งการด้วยเสียงผ่านสิริได้อีกด้วย
Samsung Galaxy Watch 3
มากันที่สมาร์ทวอท์ชดีไซน์ล้ำจากค่าย ซัมซุง (Samsung) อย่าง Samsung Galaxy Watch 3 ที่รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android พร้อมพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในตัวเพื่อให้คุณออกไปวิ่งพร้อมกับฟังเพลงเพราะ ๆ ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
ใน Samsung Galaxy Watch 3 มีโหมดการออกกำลังกายสูงสุดถึง 120 โหมด และมีความพิเศษคือการเพิ่มฟังก์ชั่นติดตามการทำงานของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ของผู้ใช้งานเข้ามา โดยผ่านการรับรองทางการแพทย์จากองค์การอาหารและยา
รวมทั้งระบบติดตามการนอนหลับของคุณ พร้อมแนะนำเคล็ดลับในการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพจาก National Sleep Foundation เพื่อให้การยกระดับการนอนหลับ และการดูแลสุขภาพผ่านสมาร์ทวอทช์กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
โดย Samsung Galaxy Watch 3 มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าปัดคือ 41 มม. (ราคาเริ่มต้นที่ 12,900 บาท) และ 45 มม. (ราคาเริ่มต้นที่ 16,900 บาท) มีชั่วโมงใช้งานสูงสุดอยู่ที่ 48 ชั่วโมง มาพร้อมฟังก์ชั่นขอบหน้าปัดหมุนได้และดีไซน์ที่เรียวบางกว่ารุ่นที่ผ่านมา ทำให้คุณสามารถสนุกกับการปรับแต่งหน้าจอแสดงผลได้หลากรูปแบบตามที่คุณต้องการ
Garmin Vivoactive 4
สมาร์ทวอทช์แบรนด์ดังจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง การ์มิน (Garmin) ในปีนี้มาพร้อม Garmin Vivoactive 4 ในราคาเปิดตัว 11,990 บาท มีจุดเด่นตรงฟังค์ชั่นที่หลากหลาย ตอบรับกับการทำกิจกรรมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส โยคะ หรือพิลาทิส เพื่อให้คุณช่วยพัฒนาการขยับตัวในท่าทางที่ถูกต้องผ่านภาพแอนิเมชั่นที่จะขึ้นมาในเมนู Workout
รวมทั้งมี Garmin Coach ที่จะคอยวางแผนการออกกำลังกายและทำกิจกรรมของคุณได้พร้อมกันถึง 7 กิจกรรม ต่อเนื่องนาน 14 วัน ประหนึ่งมีโค้ชส่วนตัวมาอยู่กับคุณทุกเวลา
Vivoactive 4 เป็นหนึ่งในสมาร์ทวอทช์ที่มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดและสามารถติดตามการนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีฟีเจอร์ Breathwork เพื่อช่วยฝึกการหายใจที่ถูกต้องให้กับคุณ โดยอ้างอิงจากบันทึกการหายใจของคุณทั้งในยามหลับและตื่น
นอกจากนี้ยังมีโหมดติดตามประจำเดือนสำหรับคุณผู้หญิง และช่วยวัดระดับความเครียด เพื่อประเมินร่างกายของคุณว่าควรจะพักฟื้นเพื่อปรับสมดุลร่างกายให้เป็นปกติหรือไม่
แม้สมาร์ทวอทช์ Vivoactive ตัวนี้จะไม่มีฟังก์ชั่น LTE ในการใช้งานสตรีมมิ่งข้อมูลร่วมกับโทรศัพท์มือถือ แต่ก็รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นฟังเพลงที่หลากหลายทั้ง Spotify, Amazon Music, Deezer, iHeartRadio และมีพื้นที่จัดเก็บเพลงในตัว ทำให้การออกกำลังกายและทำกิจกรรมของคุณไม่ขาดเสียงเพลงแน่นอน แถมอายุแบตเตอรี่ยังใช้งานได้ยาวนานที่สุดถึง 8 วัน เลยทีเดียว
Casio G-Squad Pro GSW-H1000
ข้ามมาที่แบรนด์นาฬิกาสุดคลาสสิคอย่าง คาสิโอ (Casio) ที่ล่าสุดปล่อย Casio G-Squad Pro GSW-H1000 สมาร์ทวอทช์เรือนแรกภายใต้แบรนด์ จีช็อค (G-Shock) ที่ใช้ซอฟท์แวร์ของ Google Wear OS ออกมา ในราคาเปิดตัว 699 USD หรือประมาณ 22,000 บาท
โดยสมาร์ทวอทช์ตัวเก่งจากจีช็อครุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชั่นตรวจจับการเต้นของหัวใจแบบ Optical Sensor พร้อมฟังก์ชั่นตรวจวัดเกี่ยวกับสุขภาพต่าง ๆ ทั้งการตรวจวัดความเครียด ติดตามการนอนหลับ รวมถึงอ่านค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด(SpO2) ที่ไม่น้อยหน้าแบรนด์ไหน
แม้จะมีโหมดสนับสนุนการออกกำลังกายรวมแล้วเพียง 39 โหมด แต่ก็ครอบคลุมกีฬาทั้งในร่มและกิจกรรมกลางแจ้งตั้งแต่กิจกรรมเบา ๆ อย่างการปั่นจักรยาน วิ่ง หรือว่ายน้ำ ไปจนถึงกิจกรรมเอ็กซ์ตรีมอย่างการเล่นเซิร์ฟ หรือสโนว์บอร์ด
แม้หน้าจอการแสดงผลจะเป็นหน้าจอโมโนโครม Display แบบ Always on LCD ซ้อนด้วยจอ LCD สีด้านล่าง แต่ก็สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 1 เดือน หากเปิดใช้เฉพาะหน้าจอโมโนโครม นอกจากนั้นยังใช้วัสดุอย่างไทเทเนี่ยมและอลูมินั่ม ทำให้คุณมั่นใจได้ในเรื่องความทนทาน สมเป็นผลิตภัณฑ์จากตระกูลจีช็อค
The Lemfo LEM15
มากันที่สมาร์ทวอท์ชจากจีนอย่าง เลมโฟ (LEMFO) ที่พึ่งปล่อยข้อมูลของ The LEMFO LEM15 ออกมาแบบสด ๆ ร้อนๆ หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากมายในปีที่แล้วกับ LEM14 สมาร์ทวอทช์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ความพิเศษของ LEM15 คือการมาพร้อมกล้องถึง 2 ตัว ด้วยความละเอียด 2MP และ 5MP ที่มาพร้อมกับ CPU 8-Core แรม 4GB และหน่วยความจำ 128GB โดยทำงานผ่านระบบปฏิบัติการ Android 10.7 ดังนั้นไว้ใจได้เลยเรื่องความเร็ว แรงและการประมวลผลที่รวดเร็วแม่นยำ โดยใช้งานได้นานที่สุด 2 วัน
แม้จะมีโหมดออกกำลังกายและการประมวลผลที่ไม่มากมายเท่าแบรนด์อื่น ๆ แต่ด้วยความแรงของสเป็คเครื่องและสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต 4G, Wifi รวมทั้งใส่ซิมการ์ดได้ ผู้ใช้งานก็สามารถใช้เจ้า LEM15 ตัวนี้แทนโทรศัพท์มือถือได้เลย
โดย The Lemfo LEM15 สนนราคาอยู่ที่ 199.99 USD หรือประมาณ 6,300 บาท (ยังไม่รวมค่าจัดส่ง) โดยเปิดให้จองบน Aliexpress ใครที่อยากลองสมาร์ทวอทช์สเป็คแรงตัวนี้ ก็สามารถไปจับจองกันได้
THE REALME WATCH 2
มากันที่แบรนด์ REALME ที่พึ่งเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศมาเลเซีย ที่มาพร้อมโหมดออกกำลังกายสูงสุดถึง 90 โหมด เพื่อรองรับการทำกิจกรรมที่หลากหลายกว่าเก่า และเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นสุขภาพ ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและสามารถวัดค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับความเครียด รวมถึงติดตามการนอนหลับได้อย่างแม่นยำ
รวมถึงการพัฒนาแบตเตอรี่จากสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกของแบรนด์ ให้ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 12 วัน ต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ซึ่งมากกว่ารุ่นแรกถึง 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว
แม้จะไม่สามารถเชื่อมต่อ GPS หรือเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD ได้ แต่ก็ตอบโจทย์การใช้งานด้านสุขภาพ และมากับราคาที่เบาสบายเพียง 229 ริงกิต หรือประมาณ 1,750 บาท เท่านั้น งานนี้ก็ต้องรอดูกันว่าเมื่อมาเปิดตัวในประเทศไทยอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
Mobvoi TicWatch Pro 3
มากันที่อีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์สเป็คแรง สำหรับ TicWatch Pro 3 จากม็อบวอย (Mobvoi) ที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 4100 และแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นถึง 40% แต่น้ำหนักเบาลง 28% จากรุ่นที่ผ่านมา โดยมีชั่วโมงการใช้งานสูงสุดที่ 72 ชั่วโมง และโหมดประหยัดพลังงานที่ใช้ได้นานถึง 15 วัน
ด้วยการทำงานที่คล้ายกันกับ G-Squad Pro GSW-H1000 จากจีช็อค คือการใช้ระบบหน้าจอสองชั้นที่จะมีหน้าจอ AMOLED สีเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ และเข้าสู่หน้าจอโมโนโครม LCD แบบ TN Display ที่จะแสดงผลเพียงข้อมูลเวลา วันที่ และจำนวนก้าวเดินเท่านั้น เพื่อประหยัดพลังงาน
ส่วนฟีเจอร์สุขภาพของ Tic Watch 3 Pro ถูกพัฒนาฟีเจอร์จากรุ่นเดิมให้สมบูรณ์แบบขึ้น ทั้ง TicOxygen ที่ช่วยวัดระดับออกซิเจนในเลือด, TicZen ตรวจจับความเครียด ไปจนถึง Ric Breath ที่จะช่วยดูแลการหายใจ และ Tic Hearing ที่ช่วยวัดระดับเสียงรบกวนรอบตัวว่าอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายกับหูหรือไม่
โดยราคาของเจ้า Tic Watch 3 Pro ก็อยู่ที่ 11,900 บาท และนับเป็นสมาร์ทวอทช์ Wear OS by Google เครื่องแรกของโลกที่ใช้แพลตฟอร์ม Qualcomm® Snapdragon Wear ™ ให้คุณได้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นโปรดผ่าน Google Play ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว
Fitbit Sense
พูดถึงสมาร์ทวอท์ชคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กล่าวถึง ฟิตบิท (Fitbit) หนึ่งในสมาร์ทวอทช์ติดตามการนอนหลับและช่วยเรื่องการออกกำลังกายที่ทั้งราคาเป็นมิตร และคุณภาพสมราคาในงบหมื่นนิดๆ
เพราะ Fitbit Sense สามารถตรวจสอบระดับความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2) และตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ได้เทียบเท่ากับ Apple Watch 6 และยังถูกออกแบบมาเพื่อให้รองรับการใช้งานสำหรับผู้ออกกำลังกาย ทั้งโหมด Active Zone Minute ที่ช่วยคำนวณเวลาในการออกกำลังกายและเผาผลาญไขมัน
ไม่ว่าจะเป็นการจับเวลาทำคาร์ดิโอต่อเนื่อง หรือบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดขณะที่คุณออกกำลังกาย โดยมีคำแนะนำจากระบบ Charge4 ที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในการออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ด้วยอัตราการเต้นหัวใจที่เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุด พร้อมตรวจจับความเครียดของคุณด้วยเซ็นเซอร์ EDA เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับระดับความเครียดของคุณอีกด้วย
โดยเจ้า Fitbit Sense นี้พัฒนาต่อเนื่องมาจากรุ่นก่อนๆ ให้ผู้ใช้สามารถใช้งานฟิทบิทได้โดยตรงแบบไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วย และยังใช้งานอย่างต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 2 วัน โดยไม่ต้องชาร์จ เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือบนระบบแอนดรอยด์ ในราคา 10,990 บาทเท่านั้น
Huawei Watch GT 2 Pro
ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทวอทช์จากแบรนด์ หัวเหว่ย (Huawei) จะให้น้อยหน้าแบรนด์อื่นก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะ Huawei Watch GT 2 Pro มาพร้อมโหมดออกกำลังกายกว่า 100 โหมด ในราคาเบา ๆ เพียง 8,990 บาทเท่านั้น โดยมีความพิเศษอยู่ที่โหมดสกี สโนว์บอร์ด และโหมดกอล์ฟ ที่จะช่วยออกแบบวงสวิงของคุณให้ดีขึ้น
รวมทั้งฟังก์ชั่นสุขภาพที่ไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร ทั้งฟังก์ชั่นตรวจจับความเครียด ติดตามการนอนหลับ วัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) รวมถึงฟังก์ชั่นตรวจวัดการเต้นของหัวใจผ่านเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 4.0+ ที่แสดงผลเป็นกราฟอย่างแม่นยำแบบแบ่งช่วงเวลา
HUAWEI TruSeen 4.0+ สามารถช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมการนอนหลับ ไม่ว่าจะหลับตื้นหรือหลับลึก เพื่อช่วยให้คำแนะนำการนอนพักผ่อนที่ได้ประสิทธิภาพให้คุณ พร้อมระบบตรวจจับความเครียด HUAWEI TruRelax ลิขสิทธิ์เฉพาะของหัวเหว่ยที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง
โดยสมาร์ทวออทช์ตัวนี้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Huawei Lite OS ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งบน iOS และ Android รวมทั้งรองรับการชาร์จแบบไร้สายและใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 2 อาทิตย์ติดต่อกัน พร้อมเซ็นเซอร์วัดความกดอากาศที่คนรักการผจญภัยและชอบการปีนเขาน่าจะถูกใจไม่น้อย
OPPO Watch
ปิดท้ายกันที่สมาร์ทวอทช์ดีไซน์พรีเมี่ยมจากแบรนด์ ออปโป้ (OPPO) ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Wear OS by Google และชิปเซ็ต Snapdragon Wear 3100 ตัวเรือนมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 41 มม. (ราคา 5,999 บาท) และขนาด 46 มม. (ราคา 7,999 บาท)
โดยความโดดเด่นของ OPPO Watch คือเซนเซอร์ที่เหนือชั้นที่ช่วยประมวลผลการทำกิจกรรมและออกกำลังกายด้วยเซ็นเซอร์มากถึง 5 ตัว พร้อมระบุตำแหน่ง GPS+GLONASS เพื่อแสดงแผนที่เส้นทางในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมทั้งการวิเคราะห์และประมวลผลกิจกรรมของคุณผ่าน HeyTap Health ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นติดตามการออกกำลังกายจากออปโป้ที่จะช่วยออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณได้
แม้จะไม่สามารถวัดค่าออกซิเจนในเลือด แต่ก็มีฟีเจอร์สุขภาพอื่น ๆ ครบ ทั้งการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การติดตามการนอนหลับ และฟีเจอร์ที่ช่วยฝึกการหายใจให้กับคุณ ทำให้คุณสามารถดูแลสุขภาพได้ดีไม่แพ้สมาร์ทวอทช์ตัวอื่น ๆ
OPPO Watch มาพร้อมโหมดการทำงานที่รองรับการชาร์จเร็วและมีโหมดประหยัดพลังงานซึ่งสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 14 วันสำหรับรุ่น 41 มม. และใช้งานได้นานที่สุดถึง 21 วัน ในรุ่น 46 มม. ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจุใจโดยไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมดอีกด้วย
ชาว Padthai.co อ่านแล้วถูกใจชอบ Smart Watch เรือนไหน อย่าลืมคอมเม้นท์บอกกันบ้างล่ะ!
CREDIT:
PHOTOS: COURTESY OF THE BRANDS
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่