Cartier Icons ยากนักที่จะปฏิเสธว่า คาร์เทียร์ (Cartier) เป็นหนึ่งแบรนด์ที่ได้สร้างภาพลักษณ์ของผลงานดีไซน์และสร้างสรรค์ผ่านทั้งคอลเลกชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาอันหลากหลาย ทั้งยังสะท้อนถึงคอนเซ็ปต์ ที่ยึดมั่นมายาวนานของการประดิษฐ์คิดค้นซึ่งเส้นสายอันบริสุทธิ์และแม่นยำ ที่กลายเป็นเสมือนลายเซ็นและวัฒนธรรมงานดีไซน์ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะภายในผลงานระดับตำนานต่างๆ
Cartier Icons
Cartier Icons (คาร์เทียร์ ไอคอนส์) โดยทั้งคอลเลกชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลา อย่าง บัลลอง เบลอ เดอ คาร์เทียร์ (Ballon Bleu de Cartier) แทงก์ (Tank) ทรินิตี้ (Trinity) เลิฟ (Love) คาร์เทียร์ จุสต์ เอิง คลู (Cartier Juste un Clou) ปองแตร์ (Panthère) และซานโตส เดอ คาร์เทียร์ (Santos de Cartier) ล้วนผ่านงานออกแบบที่แสดงออกถึงมาตรฐานอันพิถีพิถัน รวมไปถึงวิสัยทัศน์ที่แบรนด์ยึดถือมาโดยตลอด เพื่อเสาะหารูปทรงอันสมบูรณ์แบบ จากการร้อยเรียงเส้นสายอันบริสุทธิ์ รูปทรงที่แม่นยำ ไปจนถึงการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ตามสัดส่วนที่เหมาะสม และสอดคล้องกลมกลืนในทุกรายละเอียด
“ดีไซน์คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” คือแนวคิดซึ่งหล่อหลอมและฝังรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณการสร้างสรรค์ของเมซงแห่งนี้ โดยถ่ายทอดอย่างชัดเจนผ่านทั้งคอลเลกชั่นเครื่องประดับอันเลอค่า และเรือนเวลาที่มีดีไซน์โดดเด่น ซึ่งมีรากฐานมาจากหลักการออกแบบ 4 ประการเดียวกัน คือเส้นลายที่บริสุทธิ์ รูปทรงที่แม่นยำ ความเที่ยงตรงของสัดส่วน และรายละเอียดอันประณีต
เริ่มจากเส้นลายที่บริสุทธิ์ที่ Cartier ได้ลดทอนรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งอาจบดบังโครงสร้างที่แท้จริงอันงดงามของชิ้นงาน และแปรเปลี่ยนให้ความสวยงามนั้นเป็นภาษาแห่งงานออกแบบที่เข้าใจง่าย และเป็นที่จดจำได้ตั้งแต่แรกเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเชิงช่างในระดับสูง ผสมผสานเข้ากับรูปทรงที่แม่นยำ ไม่ว่าจะภายใต้รูปทรงจัตุรัส ทรงกลม หรือแม้แต่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า สิ่งเหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบ เพื่อนำพาให้ทั้งรูปทรงที่แม่นยำเหล่านี้ กลายเป็นมุมมองใหม่ที่สวยงามสะดุดตา พร้อมทั้งมีมิติและความอ่อนช้อยของเส้นสาย ที่ซ่อนความเคลื่อนไหวให้กับทุกชิ้นงาน
ซึ่งนั่นหมายถึงความเชื่อมโยงกับกระบวนการอันซับซ้อน เพื่อสร้างความเที่ยงตรงของสัดส่วน และมอบเป็นสมดุลยภาพระหว่างเส้นสาย และรูปทรงที่รับไปกับขนาดของเครื่องประดับ และสรีระของผู้สวมใส่ ความเอาใจใส่และพิถีพิถันเหล่านี้ทำให้ Cartier สามารถรังสรรค์สัดส่วนที่สมดุลกลมกลืนให้กับผลงาน และมอบความร่วมสมัยที่สามารถตอบรับกับนวัตกรรมเชิงเทคนิค การวิจัยด้านการยศาสตร์ (การออกแบบหรือปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการใช้งาน และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้) และความเคลื่อนไหวของชิ้นงานที่สามารถปรับประยุกต์ไปตามกาลสมัย ปิดท้ายด้วยหลักการอันสำคัญคือ รายละเอียดอันประณีต ที่สื่อถึงสัญชาตญาณแห่งสไตล์ของช่างผู้สร้างสรรค์อัญมณี ผู้เผยให้เห็นความงดงามที่ถูกซ่อนอยู่ และถ่ายทอดความหมายอันทรงคุณค่าของงานฝีมือ และความเชี่ยวชาญที่สื่อผ่านเครื่องประดับและเรือนเวลา ทำให้ชิ้นงานเหล่านั้นมีคุณค่า ไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามเชิงศิลป์ แต่ยังเป็นความเลอค่า ที่แฝงอยู่ในทุกรายละเอียดของคอลเลกชั่นผลงานเครื่องประดับและเรือนเวลาระดับไอคอนของ Cartier เหล่านี้
Ballon Bleu de Cartier
นาฬิกา บัลลอง เบลอ (Ballon Bleu) ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2007 โดยดีไซเนอร์ของ Cartier ที่ได้นำความกลมมนมาตีความใหม่โดยการเพิ่มมิติ และผลลัพธ์คือความซับซ้อนของวงกลมที่มีมิติ บนตัวเรือนที่มีความสมดุลกลมกลืนกับเส้นสายได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งซ่อนเม็ดมะยมประดับแซฟไฟร์สีน้ำเงิน อันเป็นเอกลักษณ์ไว้ใต้วงแหวนกลม ที่ผสานเข้ากับตัวเรือนได้อย่างแนบเนียนไม่มีสะดุด ณ ตำแหน่ง 3.00 นาฬิกา
Juste un Clou
คอลเลกชั่นเครื่องประดับ จุตส์ เอิง คลู (Juste un Clou) สร้างสรรค์ขึ้นที่เมืองนิวยอร์กในช่วงยุค 70s โดย Aldo Cipullo (อัลโด ชิปุลโล) ดีไซเนอร์ของ Cartier ที่ได้นำรูปทรงตะปู ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปมาตีความใหม่ กลายเป็นเครื่องประดับอันทรงคุณค่า ด้วยเส้นสายโค้งมน ทว่ามีดีไซน์เฉียบคม พร้อมสัดส่วนที่ลงตัวรับกับข้อมือได้อย่างสง่างาม
Tank
ในปีค.ศ. 1917 Louis Cartier (หลุยส์ คาร์เทียร์) ได้นำแรงบันดาลใจจากความคมชัดของเส้นสายต่างๆ และภาพจากด้านบนของรถถังมารังสรรค์เป็นรูปทรงใหม่ให้กับนาฬิกาแทงก์ (Tank) ด้วยเอกลักษณ์ของรูปทรงคานสองชิ้นที่ประกบอยู่บนตัวเรือนทรงเหลี่ยม ซึ่งดูคล้ายดั่งล้อรถ และมีตัวเรือนเป็นดังหอบังคับการ ขณะที่รายละเอียดเล็กๆ อย่างการประกอบตัวเรือนเข้ากับสายนาฬิกาก็ยังอาศัยการออกแบบที่มอบความกลมกลืน จนเกือบจะเป็นเส้นเดียวกันเพื่อรักษาหัวใจหลักของแรงบันดาลใจนี้เอาไว้
Tritiny
แหวนทรินิตี้ (Trinity) เป็นผลงานการออกแบบของ Louis Cartier เมื่อปีค.ศ. 1924 ออกแบบจากคำร้องขอของ ฌอง ก็อกโต (Jean Cocteau) ผู้เป็นศิลปินคนสำคัญของฝรั่งเศส ทั้งทางด้านวรรณคดีและภาพยนตร์ แม้แหวนทรินิตี้มีอายุเกือบหนึ่งศตวรรษ แต่ก็เป็นแหวนวงงามที่ดูสวยทันสมัยเหนือกาลเวลา โดยเผยให้เห็นความงดงามของวงแหวนสีทองไวท์โกลด์ เยลโลว์โกลด์ และพิงค์โกลด์ 3 วง ที่มีเส้นสายเรียบง่ายและขนาดสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ และเมื่อกระหวัดพันเข้าด้วยกันแล้วกลับกลายเป็นดั่งชิ้นงานที่กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันไปตลอดกาล พร้อมความหมายที่น่าประทับใจ คือ วงไวท์โกลด์ หมายถึง มิตรภาพ วงเยลโลว์โกลด์ หมายถึง ความซื่อสัตย์ และวงพิงค์โกลด์ หมายถึง ความรัก คู่รักและสามีภรรยาต่างสวมใส่เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพัน
Panthère de Cartier
มากกว่างานศิลปะ แต่คือความสง่างามเหนือกาลเวลาของนาฬิกาปองแตร์ (Panthère) ที่สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1983 ด้วยเอกลักษณ์ของตัวเรือนทรงเหลี่ยมมุมมน ประกอบด้วยเส้นสายที่กลมกลืนอย่างไร้รอยต่อของตัวเรือนและสายนาฬิกา รวมถึงงานออกแบบของหมุดตอกบนขอบตัวเรือน ที่ Cartier มอบเป็นมรดกแห่งความโดดเด่นของเส้นสาย ที่ทั้งคงความอ่อนช้อย นุ่มนวล แต่ก็กล้าแกร่ง ทำให้เรือนเวลารุ่นนี้ เป็นเสมือนเครื่องประดับในเวลาเดียวกัน เช่นกันกับชื่อที่เป็นชื่อเดียวกับกำไลข้อมือ ซึ่งร่วมแสดงออกถึงความมีชีวิตชีวา และการเคลื่อนไหวของเสือแพนเตอร์ สัตว์ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่ง Cartier โดยนาฬิกาปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์ (Panthère de Cartier) ได้ผ่านการออกแบบและตีความใหม่ในปีค.ศ. 2017 เพื่อแสดงออกถึงความเป็นอิสตรีที่เปี่ยมสุข เด็ดเดี่ยว และเป็นอิสระ
Love
เลิฟ (Love) คือเครื่องประดับที่สะท้อนวิสัยทัศน์ด้านดีไซน์ของ Cartier และเส้นสายที่คมชัดคือความสมบูรณ์แบบ กำไลข้อมือทรงรีนี้ถูกสร้างสรรค์โดย Aldo Cipullo (อัลโด ชิปุลโล) ที่เมืองนิวยอร์กเมื่อปีค.ศ. 1969 ด้วยการนำแผ่นโลหะหรูหราทรงโค้งสองอันมาประกอบเข้าด้วยกัน ด้วยสกรูและขันด้วยไขควงที่ให้มาโดยเฉพาะ
Santos de Cartier
นาฬิกาซานโตส (Santos) สร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1904 บนแนวคิดของรูปทรง รสนิยมแบบเรียบง่าย ความถูกต้องแม่นยำของสัดส่วนและรายละเอียดอันประณีต ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Cartier ออกแบบนาฬิกาข้อมือด้วยหน้าปัดสี่เหลี่ยม ขณะที่ในยุคนั้นนาฬิกาพกมักมีทรงกลม ส่วนสกรูที่มักถูกซ่อนไว้อยู่เสมอ ในเทคนิคการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงก็กลับปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงามของคอลเลกชั่นอันเป็นที่จดจำได้อย่างสูงสุดนี้เสมอมา
ด้วยความหลากหลายของดีไซน์ที่ร่วมสมัย ไปจนถึงรูปทรงซึ่งออกแบบอย่างประณีตและบริสุทธิ์ กลายเป็นผลงานระดับไอคอนที่สร้างชื่อเสียงและเป็นมรดกแห่งงานออกแบบไปตลอดกาลของ Cartier
CREDITS:
PHOTOS: COURTESY OF CARTIER
ART DIRECTOR: Perayut Limpanastitphon
สามารถติดตามคอนเทนต์ นาฬิกา อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ ที่นี่